อาหารแปรรูปมีกระบวนการเคมีที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง จริงมั๊ย

อาหารแปรรูปหลายชนิดผ่านกระบวนการทางเคมีที่อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งได้ เช่น การใช้สารกันบูด, สารให้สี, หรือสารปรุงแต่งรสบางชนิด สารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งในร่างกาย นอกจากนี้ การแปรรูปอาหารด้วยความร้อนสูงยังสามารถสร้างสารประกอบที่เป็นอันตรายได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่อาหารแปรรูปทุกชนิดที่จะก่อให้เกิดมะเร็ง และปัจจัยอื่น ๆ เช่น พันธุกรรมและวิถีชีวิตก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
อาหารแปรรูปมีกระบวนการเคมีที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

กระบวนการเคมีที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งจากอาหารแปรรูป

ความสะดวกสบายเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน “อาหารแปรรูป” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอก แฮม เบคอน ขนมปังกรอบ หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แม้จะช่วยประหยัดเวลาและตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เร่งรีบ แต่ภายใต้ความสะดวกสบายเหล่านั้น กลับซ่อนเร้นกระบวนการทางเคมีที่อาจนำไปสู่ภัยร้ายอย่าง “โรคมะเร็ง” บทความนี้จะเจาะลึกถึงเบื้องหลังทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการเคมีที่ทำให้อาหารแปรรูปกลายเป็น “อาหารแปรรูปอันตราย” ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารแปรรูปและโรคมะเร็ง

งานวิจัยทางระบาดวิทยาจำนวนมากในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาได้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการบริโภคอาหารแปรรูป โดยเฉพาะอาหารแปรรูปสูง (Ultra-Processed Foods – UPF) กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคมะเร็งหลายชนิด [1, 2] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม สาเหตุหลักที่อาหารแปรรูปถูกจัดว่าเป็น “อาหารแปรรูปอันตราย” ในบริบทของมะเร็งนั้น ไม่ได้มาจากส่วนผสมใดส่วนผสมหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่มาจากปัจจัยหลายประการที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงสารเคมีที่เติมลงไปในอาหารระหว่างกระบวนการผลิต สารที่เกิดขึ้นใหม่จากการแปรรูปด้วยความร้อนสูง และผลกระทบโดยรวมต่อสุขภาพและการทำงานของร่างกาย

ไนโตรซามีน (Nitrosamines): ภัยเงียบจากเนื้อแปรรูป

หนึ่งในกลุ่มสารก่อมะเร็งที่สำคัญที่สุดที่พบใน “อาหารแปรรูปอันตราย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน และเนื้อเค็ม คือ ไนโตรซามีน (Nitrosamines)

  • กระบวนการเกิด: ไนโตรซามีนเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร ไนไตรต์ (Nitrite) และ ไนเตรต (Nitrate) ซึ่งเป็นสารกันเสียที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย Clostridium botulinum และคงสีแดงอมชมพูของเนื้อไว้ [3] เมื่อไนไตรต์หรือไนเตรตสัมผัสกับโปรตีน (อะมีน) ในสภาวะที่เป็นกรดสูง (เช่น ในกระเพาะอาหาร) หรือได้รับความร้อนสูง (เช่น การทอดหรือย่างเนื้อแปรรูป) จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น ก่อให้เกิดไนโตรซามีน [4]
  • อันตรายต่อสุขภาพ: ไนโตรซามีนหลายชนิดได้รับการจัดว่าเป็นสารก่อมะเร็งที่รุนแรงในสัตว์ทดลอง และเชื่อว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์เช่นกัน โดยมีหลักฐานเชื่อมโยงกับการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก [5] ไนโตรซามีนสามารถทำลาย DNA ในเซลล์ และทำให้เกิดการกลายพันธุ์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดมะเร็ง

สารอะคริลาไมด์ (Acrylamide): สารก่อมะเร็งจากความร้อนสูง

สารอะคริลาไมด์ (Acrylamide) เป็นอีกหนึ่งสารเคมีที่เป็นข้อกังวลอย่างยิ่งที่พบใน “อาหารแปรรูปอันตราย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงที่ผ่านกระบวนการปรุงด้วยความร้อนสูง เช่น การทอด การปิ้ง การอบ หรือการคั่ว

สารอะคริลาไมด์ Acrylamide สารก่อมะเร็งจากความร้อนสูง
สารก่อมะเร็งจากความร้อนสูง
  • กระบวนการเกิด: อะคริลาไมด์ไม่ได้เป็นสารที่เติมลงไปในอาหาร แต่เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในระหว่าง ปฏิกิริยาไมลลาร์ด (Maillard Reaction) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เกิดสีน้ำตาลทองและกลิ่นหอมน่ารับประทานในอาหาร ปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นเมื่อน้ำตาลรีดิวซิ่ง (เช่น กลูโคส ฟรุกโตส) ทำปฏิกิริยากับกรดอะมิโนแอสพาราจีน (Asparagine) ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 120 องศาเซลเซียส [6] อาหารที่พบอะคริลาไมด์ในปริมาณสูงได้แก่ เฟรนช์ฟรายส์ มันฝรั่งทอดกรอบ ขนมปังกรอบ ซีเรียลอาหารเช้า กาแฟ และบิสกิต
  • อันตรายต่อสุขภาพ: หน่วยงานวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศ (International Agency for Research on Cancer – IARC) ได้จัดให้อะคริลาไมด์เป็นสารที่อาจก่อมะเร็งในมนุษย์ (Group 2A) โดยมีหลักฐานจากการศึกษาในสัตว์ทดลองที่พบว่าอะคริลาไมด์สามารถทำลาย DNA และเป็นสาเหตุของการเกิดเนื้องอกในอวัยวะต่างๆ เช่น ปอด ต่อมไทรอยด์ และอัณฑะ [7]

สารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) และเฮเทอโรไซคลิกอะมีน (HCAs)

แม้จะไม่ได้จำกัดเฉพาะอาหารแปรรูปโดยตรง แต่การปรุงอาหารแปรรูปบางชนิดด้วยวิธีการที่ผิด เช่น การปิ้ง ย่าง หรือทอดเนื้อสัตว์แปรรูปจนไหม้เกรียม ก็สามารถก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งสองกลุ่มหลักได้แก่:

  • โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs): เกิดจากการที่ไขมันและน้ำมันในเนื้อสัตว์หยดลงบนถ่านร้อนๆ หรือเปลวไฟ ทำให้เกิดควันที่มีสาร PAH แล้วลอยกลับมาเกาะที่ผิวอาหาร [8]
  • เฮเทอโรไซคลิกอะมีน (HCAs): เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างกรดอะมิโน ครีเอทีน และน้ำตาลในกล้ามเนื้อของสัตว์ ที่อุณหภูมิสูงมากเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่อปรุงอาหารจนเนื้อมีรอยไหม้เกรียม [8]

ทั้ง PAHs และ HCAs เป็นสารก่อมะเร็งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถทำลาย DNA และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งในมนุษย์ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก [9]

สารให้ความหวานและสารแต่งสีสังเคราะห์ กับความเสี่ยงที่แฝงอันตราย

“อาหารแปรรูปอันตราย” มักมีการใช้สารให้ความหวานเทียมและสารแต่งสีสังเคราะห์อย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มความน่ารับประทานและลดต้นทุน แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะระบุว่าปลอดภัยในปริมาณที่กำหนด แต่การบริโภคต่อเนื่องในระยะยาวและความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพยังคงเป็นประเด็น:

  • สารให้ความหวานเทียม: เช่น แอสปาร์แตม (Aspartame) และซูคราโลส (Sucralose) บางงานวิจัยในสัตว์ทดลองพบความเชื่อมโยงกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด แต่ยังคงเป็นที่ถกเถียงและต้องการงานวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์ [10] อย่างไรก็ตาม ล่าสุด IARC ได้จัดให้แอสปาร์แตมเป็นสารที่อาจก่อมะเร็งในมนุษย์ (Group 2B) [11]
  • สารแต่งสีสังเคราะห์: สารแต่งสีบางชนิด เช่น Red 40 และ Yellow 5 มีความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ภาวะสมาธิสั้นในเด็ก แต่สำหรับความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งนั้นยังไม่ชัดเจนนัก อย่างไรก็ตาม การใช้สารเคมีเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีของอาหารจากธรรมชาติ [12]

ผลกระทบต่อจุลินทรีย์ในลำไส้และภาวะอักเสบเรื้อรัง

การบริโภค “อาหารแปรรูปอันตราย” อย่างต่อเนื่องสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของลำไส้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบภูมิคุ้มกันและการป้องกันมะเร็ง:

  • ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ (Dysbiosis): อาหารแปรรูปมักมีใยอาหารต่ำ และมีน้ำตาล ไขมันไม่ดี รวมถึงสารปรุงแต่งที่สูง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดีและไม่ดีในลำไส้ ทำให้จุลินทรีย์ชนิดไม่ดีเพิ่มจำนวนขึ้น [13] ภาวะนี้สามารถนำไปสู่การอักเสบเรื้อรังในลำไส้
  • ภาวะลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome): ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์และการอักเสบเรื้อรังอาจทำให้ผนังลำไส้เสียหาย เกิดภาวะลำไส้รั่ว ซึ่งสารพิษและสารที่ก่อการอักเสบสามารถซึมผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่ายขึ้น [14]
  • การอักเสบเรื้อรัง: ภาวะอักเสบเรื้อรังทั่วร่างกายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเกิดและการลุกลามของโรคมะเร็ง [15] อาหารแปรรูปซึ่งมีสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบสูง เช่น น้ำตาลและไขมันทรานส์ สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังได้

การลดลงของสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหาร

ในกระบวนการแปรรูป อาหารมักจะสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญไป ซึ่งรวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหาร ซึ่งทั้งสองมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็ง:

  • สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants): ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่การเกิดมะเร็ง [16] แต่ในอาหารแปรรูป สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้มักถูกทำลายไปในระหว่างกระบวนการผลิต
  • ใยอาหาร (Dietary Fiber): ใยอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพลำไส้ ช่วยในการขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย ลดระยะเวลาที่สารก่อมะเร็งสัมผัสกับผนังลำไส้ และส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ดี [17] การขาดใยอาหารใน “อาหารแปรรูปอันตราย” จึงเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่

ความเสี่ยงจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกและสารเคมี

นอกเหนือจากตัวอาหารเองแล้ว บรรจุภัณฑ์ที่ใช้กับ “อาหารแปรรูป” ที่ส่วนใหญ่ผลิตจากพลาสติกก็อาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้สารเคมีที่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารในกลุ่ม BPA (Bisphenol A) และ พทาเลท (Phthalates) ที่พบในพลาสติกบางชนิด

  • BPA: เป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพลาสติกโพลีคาร์บอเนตและเรซินอีพ็อกซี่ ซึ่งมักใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม หรือเคลือบด้านในของกระป๋องอาหาร [18] มีงานวิจัยที่ชี้ว่า BPA อาจเล็ดลอดเข้าสู่อาหารได้ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับความร้อน สาร BPA ถูกจัดเป็นสารรบกวนการทำงานของฮอร์โมน (Endocrine Disrupting Chemical – EDC) ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก [19]
  • พทาเลท: เป็นสารเคมีที่ใช้ในการเพิ่มความยืดหยุ่นของพลาสติก มักพบในบรรจุภัณฑ์อาหารบางชนิด [20] พทาเลทก็เป็นสาร EDC ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

อาหารแปรรูป” โดยเฉพาะอาหารแปรรูปสูง ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผ่านกระบวนการทางเคมีที่ซับซ้อนและหลากหลาย การทำความเข้าใจถึงสารเคมีอันตรายที่เกิดขึ้นหรือถูกเติมลงไปในอาหารเหล่านี้ เช่น ไนโตรซามีน อะคริลาไมด์ PAHs HCAs รวมถึงผลกระทบต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ และการขาดสารอาหารที่จำเป็น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องสุขภาพของเรา

การลดการบริโภค “อาหารแปรรูปอันตราย” และหันมาเลือกรับประทานอาหารสดใหม่ ไม่ผ่านการแปรรูป หรือผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนจากธรรมชาติ จะช่วยลดการสัมผัสกับสารก่อมะเร็งเหล่านี้ และส่งเสริมให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในระยะยาว การตัดสินใจเลือกรับประทานอาหารอย่างชาญฉลาดคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต


บทความของ โครงการการศึกษาความรอบรู้เฉพาะเรื่อง เกี่ยวกับสุขภาพ, กายภาพบำบัดและการนวดช่วยดูแลสุขภาพ บรรเทาอาการผ่านการเรียนรู้กายวิภาคจากสื่อออนไลน์


*ที่มาข้อมูลและรูปภาพประกอบ:
  • [1] Fiolet, T., Srour, B., Sellem, L., Kesse-Guyot, E., Allès, B., Méjean, C., … & Touvier, M. (2018). Consumption of ultra-processed foods and cancer risk: results from NutriNet-Santé prospective cohort. BMJ, 360, k322.
  • [2] Touvier, M., Buscail, C., Baudry, J., & Srour, B. (2020). Ultra-processed foods and cancer risk: a prospective cohort study (NutriNet-Santé). BMJ, 371, m3229.
  • [3] Honikel, K. O. (2008). The use and control of nitrate and nitrite in the processing of meat products. Meat Science, 78(1-2), 68-76.
  • [4] Jakszyn, P., & Gonzalez, C. A. (2006). Nitrosamine and related food intake and gastric cancer risk: a systematic review of the epidemiological evidence. World Journal of Gastroenterology, 12(27), 4296-4303.
  • [5] World Cancer Research Fund/American Institute for Cancer Research. (2018). Diet, Nutrition, Physical Activity and Cancer: a Global Perspective. Continuous Update Project Expert Report. London: WCRF International.
  • [6] Tareke, E., Rydberg, P., Karlsson, P., Eriksson, S., & Törnqvist, L. (2002). Acrylamide: a novel food carcinogen. Mutation Research/Genetic Toxicology and Environmental Mutagenesis, 506, 41-49.
  • [7] International Agency for Research on Cancer (IARC). (2019). IARC Monographs on the Evaluation of Carcinogenic Risks to Humans, Vol. 126: Acrylamide. Lyon: IARC.
  • [8] National Cancer Institute. (2024). Chemicals in Meat Cooked at High Temperatures and Cancer Risk. Retrieved from https://www.cancer.gov/about-cancer/causes-prevention/risk/diet/cooked-meats-fact-sheet (Accessed June 5, 2025)
  • [9] Sinha, R., Rothman, N., & Porta, N. (2009). Meat and cancer: it’s not all the same. American Journal of Clinical Nutrition, 89(5), 1198S-1202S.
  • [10] Schernhammer, E. S., & Bertrand, K. A. (2016). Artificial sweeteners and cancer risk. Current Opinion in Oncology, 28(1), 58-63.
  • [11] World Health Organization (WHO). (2023). Aspartame hazard and risk assessment results released. Retrieved from https://www.who.int/news/item/14-07-2023-aspartame-hazard-and-risk-assessment-results-released (Accessed June 5, 2025)
  • [12] Nigg, J. T., Lewis, E., Zewe, G., & Staton, J. (2012). Dietary sensitivities and ADHD: A meta-analysis of placebo-controlled studies. Journal of the American Academy of Child and Adolescent Psychiatry, 51(3), 296-304.
  • [13] Singh, R. K., Chang, H. W., Yan, D., Lee, K. M., Ucmak, D., Wong, K., … & Bhutani, T. (2017). Influence of diet on the gut microbiome and implications for health. Journal of Translational Medicine, 15(1), 73.
  • [14] Mu, Q., Kirby, V., & Reilly, C. M. (2017). Leaky Gut As a Danger Signal for Autoimmune Diseases. Frontiers in Immunology, 8, 598.
  • [15] Grivennikov, S. I., Greten, F. R., & Karin, M. (2010). Immunity, inflammation, and cancer. Cell, 140(6), 883-899.
  • [16] Ames, B. N., Shigenaga, M. K., & Hagen, T. M. (1993). Oxidants, antioxidants, and the degenerative diseases of aging. Proceedings of the National Academy of Sciences, 90(17), 7917-7921.
  • [17] Slavin, J. L. (2008). Fiber and prebiotics: mechanisms and health benefits. Nutrients, 5(2), 527-531.
  • [18] Vandenberg, L. N., Maffini, R. A., Soto, A. M., Sonnenschein, A., & Rubin, B. S. (2009). Bisphenol A and the great divide: a review of controversies in the field of endocrine disruption. Endocrine Reviews, 30(1), 75-95.
  • [19] Rochester, J. R. (2013). Bisphenol A and human health: a review of the literature. Reproductive Toxicology, 42, 132-155.
  • [20] Hannon, P. R., & Blum, A. (2019). Phthalates in plastic food packaging: A risk to human health. Environmental Research, 172, 107-117.
  • เว็บไซต์รูปภาพฟรี (https://unsplash.com//)

  • About
    Ananya

Last Post

Categories

Our Tags
child Course COVID-19 creative Designer happy Picked Senior Project SEO sketch ThimPress wild WordPress กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กัญชา การแพทย์ การแพทย์ทางเลือก การแพทย์แผนไทย กีฬา กีฬากลางแจ้ง กีฬาเพื่อสุขภาพ กีฬาในร่ม คลินิกกายภาพบำบัด ตำรับยาแผนไทย น้ำมันกัญชา บำรุงร่างกาย ปัญหาสุขภาพจิตต่อสังคม ผู้สูงวัย พืชสมุนไพร พืชสมุนไพรมีสารเสพติด ยาสมุนไพร ยาแผนไทย สารสกัดกัญชา สารสำคัญในพืชสมุนไพร สารสำคัญในสมุนไพร หมอแผนโบราณ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio Exercises) เพื่อสุขภาพ เรียนรู้กายภาพบำบัด แบดมินตัน แฮนด์บอล โครงการการศึกษาความรอบรู้เฉพาะเรื่อง โรคที่พบบ่อย โรคผู้สูงอายุ โรคระบาด

You May Also Like